[SF] Title /// Confused
Couple /// Minho + Jinki
Author /// suzakea
Rate /// PG-13.
.
.
สายลมพัดอ่อนบวกกับแสงแดดอบอุ่นยามเช้าได้มีดอกกุหลาบสีแดงสดดอกหนึ่ง ถูกวางไว้บนโต๊ะภายในห้องเรียนตรงที่นั่งประจำของใครบางคน ซึ่งทุกๆ เช้าจะมีดอกกุหลาบมาวางไว้บนโต๊ะเรียนแบบนี้เป็นเวลาเกือบอาทิตย์เห็นจะได้แล้ว
"เฮ้ย!! มาอีกดอกแล้วอ่ะ จินกิ สาวที่ไหนมาหลงรักแกนะเนี้ย เอ๊ะ?? ไม่สิต้องเป็นหนุ่มๆ อ่ะแบบนี้ เพราะเพื่อนของฉันมันออกจะน่ารักน่าขย้ำแบบนี้ 555" มีร์เพื่อนสนิทของเจ้าของโต๊ะเอ่ยแซว
"ไอ้บ้า หยุดพูดได้แล้ว จะใครก็ช่างเหอะ เราไม่สนใจหรอก" จินกิหยิบดอกไม้ขึ้นมาแล้วเดินนำไปทิ้งที่ถังขยะเหมือนเคย เพราะตั้งแต่เล็กจนโตป่านนี้ เขาถูกครอบครัวฝึกมาว่าห้ามรับของคนแปลกหน้าเด็ดขาด แล้วนี่ก็ไม่ใช่แค่แปลกหน้าธรรมดาๆ เพราะขนาดหน้าตาก็ยังไม่รู้เลยว่าเป็นใครกันแน่แล้วจะให้รับของมาง่ายๆ แบบนี้เหรอไม่มีทางซะหรอก
"ทิ้งอีกและ โถๆๆ น่าสงสารเจ้าดอกไม้ผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่พวกนี้จริงๆ เฮ้อ!!" มีร์ทำหน้าสลดหดหู่ไปกับการกระทำของเพื่อนหน้าหวานของตนเอง พอทิ้งเสร็จคนตัวเล็กก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะเรียนประจำของตน แล้วหยิบอุปกรณ์การเรียนขึ้นมาเตรียมพร้อมในการเรียนที่กำลังจะเริ่มขึ้นอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ จินกิหันหน้าไปหาเจ้าเพื่อนสนิทที่ยังคงยืนทำหน้าเศร้าไว้อาลัยเจ้าดอกไม้ผู้น่าสงสารดอกนั้นอยู่
"จะลอกมั๊ยการบ้านน่ะ"
"ห๊ะ!! ละ ลอกๆๆ ดิ เอามาๆ" พอได้ยินแค่นั้น มีร์ก็รีบกลับมายังโลกแห่งปัจจุบันทันทีและรีบตั้งหน้าตั้งตาจัดการลอกการบ้านทันที เพราะถ้าเกิดลอกไม่ทันคาบเรียนคาบแรกมีหวังเขาได้กลายเป็นผู้ชายที่น่าสงสารมากกว่าเจ้าดอกไม้ดอกนั้นแน่ๆ
ในช่วงเช้าใช่ว่าจะเป็นเวลาของความเงียบสงบเสมอไปถ้าได้มาเจอกับสภาพห้องเรียนของอีกห้องถัดไป เพราะว่าความโกลาหลที่อยู่ภายในห้องนี้บอกได้ดีทีเดียวว่ามันช่างน่าวุ่นวายและปวดหัวเป็นที่สุดหากว่าผู้ใดมาพบเจอเข้าในยามเช้าแบบนี้ ภายในห้องเรียนเต็มไปด้วยนักศึกษามากหน้าหลายตาที่ต่างตั้งหน้าตั้งตาคุยกันอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนกับว่าโลกนี้จะแตกในเร็ววันนี้แล้วจะไม่มีโอกา
สได้คุยหรือพบหน้ากันต่อไปแล้ว
"ไอ้จง เมื่อไหร่มึงจะพากูไปเจอหน้าเมียมึงในอนาคตสักทีวะ"
"เฮ้ย!! ใจเย็นๆ ดิ กูกำลังหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความรักอยู่เว้ย"
"สวยขนาดไหนวะ กูล่ะอยากเห็นหน้านักเชียวมาทำให้ไอ้เป็ดเจ้าเสน่ห์หลงรักได้เนี้ย"
"ไม่สวยหรอก แต่น่ารักมากๆ ว่ะ พูดแล้วคิดถึงๆๆ อ่ะ" พูดเสร็จก็กัดสันหนังสือที่ถืออยู่ในมือเสียจนแน่น เออท่าทางมันจะรักของมันจริงๆ เอ้า ดูๆ หนังสือจะขาดแล้วคร๊าบพี่น้อง
มินโฮได้แต่ส่ายหน้าให้กับเพื่อน เขาเองก็อยากจะรู้นักว่าใครกันที่ทำให้เพื่อนของตนเองเป็นได้มากถึงเพียงนี้ วันๆ ก็ได้แต่นั่งยิ้ม นั่งเพ้อ(เจ้อ)แบบนี้ เฮ้อ!!
.
.
.
ภายในห้องอาหารของสถาบัน
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผู้คนพลุกพล่านที่สุดเพราะเป็นเวลาของมื้อกลางวัน มินโฮและจงฮยอนเดินถือถาดอาหารมานั่งตรงที่ประจำโดยที่ไร้บทสนทนาใดๆ ทั้งสิ้นเพราะมาถึงทั้งคู่ก็ต่างสวาปามอาหารของตัวเองอย่างรวดเร็วด้วยความหิวโหย อิ่มแล้วค่อยว่ากันอีกที... แต่แล้วก็มีเสียงดังขัดจังหวะความสุขของคนทั้งคู่
"ขอโทษนะครับ ตรงนี้มีใครนั่งหรือเปล่า??"
“ใคร?? บังอาจมาขัดความสุขในการกินกัน ห๊ะ!!” พอเงยหน้าขึ้นมาเท่านั้น น้ำซุปที่เพิ่งซดเข้าไปเต็มปากตะกี้...
พรืดดดด !!!
คิมจงอยากจะแปลงร่างเป็นนินจาแล้วมุดดินหนีหายไปจากตรงนี้เหลือเกิน ทำไมน่ะหรอ... กะ ก็ๆๆๆ คนที่เขาชอบมายืนอยู่ตรงหน้าแบบไม่ทันตั้งตัวเลยอ่ะดิ อ๊ากกก
"ก็ถ้ามี คงไม่ว่างแบบนี้หรอก" แต่ไอ้เพื่อนตัวโย่งก็ดันปากเสียพูดกวนทีนออกไปซะอย่างนั้น
"งั้นก็ขอโทษที่รบกวนการกินของพวกคุณก็แล้วกันนะ" ร่างบางพูดจบก็ทำท่าจะลุกขึ้นไปจากตรงนี้ทันที
"อะ เอ่อ เพื่อนผมมันพูดเล่นนะครับ ว่างๆ ครับตรงนี้ว่างครับ นั่งได้ๆๆ ครับ" จงฮยอนพยายามพูดเชื้อเชิญคนตัวเล็กหน้าหวานให้นั่งต่อไป
"ไม่ล่ะ ขอบคุณ ถ้าขืนผมนั่งต่อ คงมีคนอึดอัดตายกันพอดี ขอบคุณนะครับ" แล้วร่างบางก็เดินจากไป
ป๊าบ!!! พรวด!!!
"แค่กๆๆๆ เฮ้ย!! ไอ้จงมึงมาตบหัวกูทำไมวะ" ร่างสูงโวยวายเมื่อเขาเกือบจะสำลักน้ำซุปตาย
"ก็เพราะมึงคนเดียวเลย เขาถึงไม่นั่งตรงนี้ไง"
"เอ้า ก็ช่างมันดิ ที่นั่งมีตั้งเยอะแยะ" แล้วก็หันไปจัดการกับอาหารตรงหน้าต่อ แต่สักพักก็เริ่มสังเกตอาการของเพื่อนที่นั่งข้างๆ ดูมันเหม่อลอยผิดปกติ
"ไอ้จง มึงไม่กินแล้วหรอวะ"
"กูอิ่มแล้ว" พูดแค่นั้นก็กลับไปเหม่อต่อ
"มึงเป็นอะไรของมึงเนี้ย ไอ้จง"
"กูกำลังเป็นคนมีความรักว่ะ" ทุกคำพูดและทุกการกระทำที่ผ่านมาในสายตาทำให้สมองอันชาญฉลาดของมินโฮประมวลผลอย่างรวดเร็วและเข้าใจในอาการทั้งหมดของเพื่อนหน้าเป็ดของตนเอง
"เชี้ย!! นั่นผู้ชายนะ ไอ้จง"
"แล้วไง กูเคยแคร์หรอ"
"เฮ้ย!! มึงไม่แคร์แต่กูแคร์โว้ยยยย ฟ้าผ่าตายห่าพอดี"
"กูรักของกู มึงอย่ามาขัดความสุขของกูได้ป่ะ ไอ้โฮ" พอได้ฟังประโยคถัดมาของไอ้เพื่อนหน้าเป็ดก็ทำให้เขาไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก
พอเลิกเรียนกลับมาถึงห้องพักได้ ไอ้จงมันก็พยายามพูดหว่านล้อม สาธยายต่างๆ นาๆ เกี่ยวกับเรื่องของความรัก มันบอกผมว่าความรักไม่มีพรหมแดน ไม่มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศหรืออะไรก็ตาม แต่ยังไงซะผมก็ยังรับไม่ได้อยู่ดีที่ว่า ไอ้เพื่อนสนิทของผมคนนี้มันดันไปมีความรักกับผู้ชายด้วยกันน่ะสิ ถึงผมจะยังไม่เคยรักใครก็ตามเหอะ แต่ผมก็พอจะรู้นะว่าความรักแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ผิดธรรมชาติ ผมไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่มีความรักประเภทนี้จริงๆ ให้ตายสิ
"สรุปว่ามึง จะยังเดินหน้าจีบไอ้รุ่นพี่คนนั้นต่อว่างั้นเถอะ ไอ้จง"
"อืม" จบครับ เป็นคำตอบที่ผมรู้สึกผิดหวังกับมันมากทีเดียว ได้!! ถ้ามึงไม่เลิก กูนี่แหล่ะจะทำให้มึงเลิกเอง หึๆๆๆ
.
.
.
รุ่งขึ้นก็เหมือนเดิม คิมจงจะรีบไปมหาวิทยาลัยแต่เช้าเพื่อนำดอกกุหลาบไปวางไว้บนโต๊ะของรุ่นพี่คนนั้น แต่วันนี้ปฏิบัติการของไอ้หนุ่มคิมจงจะล้มเหลวเพราะว่ามินโฮสุดหล่อคนนี้ก็จะแอบไปเอาดอกไม้นั่นไปทิ้งเพื่อตัดความสัมพันธ์ที่มันอาจจะก่อตัวขึ้นได
้ง่ายๆ
พอคล้อยหลังของคิมจงฮยอนมินโฮก็รีบย่องเดินมาหยิบเอาดอกไม้เพื่อนำไปทิ้งแต่เหตุการณ์ที่ชายหนุ่มไม่ได้คาดไว้ก็เกิดขึ้น...
"เป็นผู้ชายจริงๆ ด้วยจินกิ กะแล้วว่าต้องมีชายหนุ่มมาตกหลุมรักเพื่อนของฉันแน่ๆ 555" ตรงหน้าห้องปรากฏร่างของสองคนแล้วหนึ่งในสองคนนั้นก็พูดกับคนข้างๆ ออกมาเสียงดัง จนทำให้มินโฮที่คิดจะปฏิบัติการทลายความสัมพันธ์ของไอ้เพื่อนตัวดีกับรุ่นพี่หน้าหวานคนนั้นต้องสะดุดลง แล้วรีบเผ่นก่อนที่ตนเองจะถูกจับได้
"นี่นาย" จินกิพูดได้แค่นั้นร่างสูงก็รีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วไม่รอให้ได้เอ่ยถามอะไรทั้งสิ้น
"หล่อด้วยอ่ะ จินกิ"
"บ้า ปากหมาแบบนั้นฉันไม่มีวันสนใจหรอก" พูดไปแบบนั้นแต่กลับหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
"อ๊ะๆ ไม่สนใจแล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย จินกิจ๋า"
"โอ๊ย!! บอกว่าไม่สนก็ไม่สนสิ ไม่พูดกับแกแล้ว" จากนั้นจินกิก็เดินไปนั่งโต๊ะประจำของตนเองโดยที่สายตาจับจ้องไปที่ดอกกุหลาบสีแดงสดที่ถูกวางไว้บนโต๊ะเรียนเหมือนกับทุกวัน
“แปลก!! คราวนี้แกไม่ทิ้งดอกไม้นั่นหรอ มาๆ ฉันไปทิ้งให้” มีร์ทำท่าจะเดินมาหยิบดอกไม้ไปทิ้งแต่คนตัวเล็กกลับหยิบมันขึ้นมาถือไว้แน่น
“ไม่ต้อง ฉันว่าดอกไม้วันนี้มันก็สวยดีนะ” พูดเสร็จก็ยิ้มหวานให้กับเจ้าดอกไม้แสนสวย
“แอะๆๆ สนใจดอกไม้ หรือว่า เจ้าของดอกไม้กันแน่”
“ดอกไม้ต่างหากเล่า” คนตัวเล็กพยายามกลบเกลื่อนความอายด้วยการขมวดคิ้วให้ดูท่าทางจริงจัง
“อ๊ะๆ จริงหรอจ๊ะ จินกิจ๋า”
"ถ้าแกไม่เลิกล้อฉัน ต่อไปนี้ไม่ต้องมาลอกการบ้านฉันเลยนะ"
"เฮ้ย หยุดๆ ก็ได้ แหมๆ เขินอ่ะดิ"
"ยังอีก!!!"
"อุ๊บส์"
.
.
.
จินกิเดินออกมาจากห้องเรียนโดยที่แยกกับเพื่อนสนิทอย่างมีร์แล้ว เนื่องด้วยวันนี้ตนเองจำเป็นต้องรีบกลับบ้านเพราะว่าแม่สั่งไว้ ตนเองจึงจำเป็นต้องรีบทำตามหน้าที่ของลูกที่ดีทันที
"รุ่นพี่จินกิครับ" แต่แล้วจู่ๆ ก็มีคนมายืนขวางทางเขาดื้อๆ พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับผู้ชายหน้าคล้ายเป็ดมายืนส่งยิ้มหวานให้
"ครับ มีอะไรหรอ??" ถึงแม้ว่าจะงงกับคนตรงหน้าอยู่เล็กน้อยแต่ตามมารยาทก็จำต้องถามออกไปแบบนั้น
"เอ่อคือว่า ผมชอบรุ่นพี่ครับ โปรดช่วยรับผมไว้พิจารณาด้วยนะครับ" เล่นเอาเหวอกันไปเลยทีเดียว ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยถูกบอกรักแบบนี้แต่แบบว่านี่มันกะทันหันจนตั้งตัวไม่ทันต่างหาก
"เอ่อ ขอโทษนะครับ พี่คงรับไว้ไม่ได้หรอก"
“ฮ่าๆๆ ไงล่ะมึง เขาไม่เล่นด้วยโว้ย เลิกๆ ตัดใจเหอะ แล้วไปหาสาวน่ารักๆ จีบกันดีกว่า ไปๆ ไอ้เป็ด เดี๋ยวกูช่วยนะๆๆ” หลังจากที่คนตัวเล็กได้ปฏิเสธออกไปก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง สีหน้าของชายหนุ่มที่มาสารภาพรักอยู่ในโหมดที่เศร้าสุดๆ ต่างกับเพื่อนของตัวเองที่เดินเข้ามาด้วยความร่าเริงเมื่อเห็นเขาเสียใจแบบนี้และเมื่อร่างบางได้เห็นใบหน้าของคนที่พูดขึ้นมาอย่างชัดเจนมันทำให้ร่
างบางรู้สึกอดหมั่นไส้คนตัวสูงคนนั้นไม่ได้จึงเลือกที่จะพูดแบบนั้นออกไป
“แต่มาคิดดูอีกที พี่ว่าจะลองให้โอกาสน้องดูก็ได้นะครับ” พูดจบก็ยิ้มหวานจนทำให้คนตรงหน้าแทบหลอมละลายกลายเป็นน้ำได้เลยทีเดียว
“จริงๆ นะครับ พี่จินกิ พี่ไม่โกหกผมนะครับ”
“อื้ม!!”
“ไชโย!!!” จงฮยอนตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
“เฮ้ย!! ไหงเป็นงี้วะ ไม่ได้ๆ กูไม่ยอมให้มึงคบกับไอ้รุ่นพี่คนนี้เด็ดขาด”
“ไอ้มินโฮ กูขอร้องล่ะ อย่าขัดความสุขกูเลย”
“หรือว่าคุณ หึงเพื่อนตัวเอง นี่คุณชอบเพื่อนตัวเองอย่างงั้นหรอ” จินกิแสร้งทำท่าทางตกใจแล้วก็รับไม่ได้
“มะ ไม่ใช่นะครับ พี่จินกิ อย่าเข้าใจผิด ผมกับมันเป็นเพื่อนกันจริงๆ ครับ ไม่มีอะไรเกินนี้แน่นอน ผมรับรอง” จงฮยอนรีบกระวีกระวาดอธิบายให้ร่างบางตรงหน้าฟังทันที
“นี่คุณ!!! เข้าใจผิดเข้าใจใหม่ด้วยนะครับ ผมก็แค่ไม่อยากให้เพื่อนผมหลงทางก็เท่านั้น”
“อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง แต่ฉันว่าความรักน่ะมันไม่มีเส้นจำกัดหรอกนะใช่มั๊ย ฮยอนจ๋า”
อ๊ากกก !!!! คิมจงฮยอนอยากจะลงไปแดดิ้นบนพื้นปูนนี่จริงๆ รุ่นพี่จินกิเรียกเขาว่า ฮยอนจ๋า ว๊ากกก น่ารักที่สุดเลยคนนี้
“ชะ ใช่ครับ ถ้าอย่างนั้น ผมฝากเนื้อฝากตัวกับพี่ด้วยนะครับ”
“พี่ต่างหากที่ต้องฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ฮยอน” ยิ้มแล้วก็จากไปด้วยความสะใจเล็กๆ ที่ได้ตอกหน้านายโย่งนั่นสำเร็จ ว่าแต่เขาจะรับมือกับรุ่นน้องคนนั้นอย่างไรดีล่ะ เฮ้อ!!!
“เฮ้ย!! ไม่ได้ กูไม่ยอม ไอ้เป็ดแกเลิกยุ่งกับรุ่นพี่คนนั้นเลยนะ ถ้ามึง want นักเดี๋ยวกูหาสาวๆ ให้”
“ขอบใจว่ะเพื่อน แต่แค่นี้กูก็แฮปปี้สุดๆ แล้วว่ะ วู้วๆๆ” แล้วคิมจงก็วิ่งลั้นลาออกไปจากตรงนั้นทิ้งให้มินโฮอารมณ์เสียอยู่คนเดียว
“ได้!! บอกให้เลิกดีๆ ไม่ชอบใช่มั๊ย ไอ้จง”
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
มินโฮทำตัวเร่งรีบมากในเช้านี้เพื่อจะไปหาเพื่อนรักที่แอบหนีตนเองมาแต่เช้าเพื่อมารอรุ่นพี่จินกิที่เมื่อวานเพิ่งตกลงคบกัน เขาไม่มีทางให้เพื่อนของเขาชอบผู้ชายด้วยกันเด็ดขาด การที่มินโฮเร่งรีบแบบนี้จึงทำให้เขาไม่ได้ระวังหรือตรวจสอบอะไรภายในตัวเลยจึงไม่รู้ว่ากระเป๋าที่ตนเองสะพายมานั้นไม่ได้ถูกปิดไว้อย่างที่ควรจึงท
ำให้สิ่งของที่อยู่ด้านในจึงเริ่มตกหล่นออกมา
“คุณๆ นี่คุณ แฮ่กๆ” ร่างสูงเริ่มได้ยินเสียงที่ดังตามมาข้างหลังจึงหันกลับไปดู
“ครับ”
“กระเป๋าคุณน่ะมันเปิดแล้วของพวกนี้มันก็ตกบนพื้น ผมเลยเอามา....” เมื่อคนเรียกเงยหน้าขึ้นพร้อมทั้งยื่นสิ่งของเพื่อจะส่งคืนให้แต่กลับต้องชะงักเมื่อรู้ว่าสิ่งของนี้เป็นของใคร
“นี่ของนายเองหรอเนี้ย เชอะ ถ้ารู้นะไม่วิ่งเอามาคืนให้เหนื่อยหรอก หึ่ย!!” แล้วก็แทบจะปาของคืนให้แล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง
“เดี๋ยวก่อนดิ ผมเจอคุณก่อนไอ้จงมันก็แจ่มเลยสิแบบนี้ ผมจะไม่ให้คุณได้พบกับเพื่อนผมหรอก”
“อะไรเล่า ปล่อยนะ ฉันจะไปห้องเรียน”
“ปล่อยให้โง่ดิ ตอนนี้เพื่อนของผมมันรอคุณอยู่ที่นั่นแล้ว”
“งั้นก็รีบปล่อย ฉันจะไปหาเขา”
“ไม่!!!” มินโฮเริ่มเสียงดังใส่จนร่างบางตกใจ
“ตามมานี่เลย”
ร่างสูงลากคนตัวเล็กกว่าให้เดินตามตนเองไปยังสวนหลังโรงเรียนแล้วกักตัวของจินกิไว้เพื่อไม่ให้ไปหาเพื่อนของตนเองที่ตอนนี้รออยู่ที่ห้อง
“วันนี้คุณต้องอยู่กับผมที่นี่”
“อะไรนะ ฉันไม่อยู่ ปล่อย!! ฉันนะ ไอ้โย่ง ไอ้กบ ไอ้เอเลี่ยน ไอ้บ้าๆๆๆ ฉันจะไปเรียน” จินกิตะโกนเสียงดังใส่คนตรงหน้าแล้วพยายามดึงมือตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมแต่กลับถูกกอดรัดทั้งตัวไว้แทน
“อยู่เฉยๆ สิ อย่าดิ้นจะได้มั๊ย”
“เฮ้ย!! ปล่อยฉันนะ ไอ้กบ ปล่อยๆๆๆ ย๊ากกกก” ยิ่งถูกคนตัวสูงห้ามเท่าไหร่คนตัวเล็กก็ยิ่งดิ้นมากขึ้นเท่านั้น แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกกอดรัดแน่นกว่าเดิม ยากต่อการหลีกหนีเป็นอย่างยิ่ง
“เงียบเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่เงียบ ผมต่อยคุณแน่!!!” คำขู่นั้นดูท่าจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่นักเพราะคนตัวเล็กกว่ายังคงดิ้น แล้วก็ดิ้นๆๆๆ จนกระทั่งเมื่อความซวยของทั้งคู่มาถึงอะไรๆ ก็ฉุดไม่อยู่แล้ว ???
ฟุ่บ!! พลัก!! แอ่ก!! แล้วร่างทั้งคู่ก็กลิ้งหลุนๆๆ หลายตลบไปจบตรงสระน้ำหลังสถาบัน จ๋อม!!
“ชะ ช่วยด้วย ฉันว่ายน้ำไม่...เบล็น(เป็น เนื่องด้วยน้ำท่วมปาก 555)” เมื่อมินโฮที่ตกมาพร้อมกันได้ยินเช่นนั้นก็รีบว่ายเข้าไปหาคนตัวเล็กแล้วจัดการลากเข้าหาฝั่งให้เร็วที่สุด แต่ด้วยความที่กลัวตายของคนตัวเล็กมือไม้ก็ปัดป่ายหาที่เกาะจนรัดคอของมินโฮไว้จนแน่น
“อุนอ่อยอ๋มอ่อนไอ้ไอ๋ อ๋มอ๋ายใอไอ้ออก” (คุณปล่อยผมก่อนได้ไหม ผมหายใจไม่ออก) แต่ ณ ตอนนี้จินกิไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้นยังคงกอดรัดร่างสูงที่เข้ามาช่วยไว้แน่นเหมือนเดิม เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยังคงไม่ยอมปล่อยตนเอง มินโฮจึงจำเป็นต้องทนว่ายไปให้ถึงฝั่งโดยเร็ว
เมื่อพาคนตัวเล็กมาถึงฝั่งมินโฮจึงรีบดันให้ขึ้นไปบนฝั่งก่อน พอขึ้นไปจินกิก็ขึ้นไปนอนแผ่หลาหอบหายใจพะงาบๆ ในใจก็นึกว่าเกือบเอาชีวิตมาทิ้งเป็นฝีเฝ้าสระน้ำให้สถาบันอยู่แล้ว นอนคิดไปคิดมาร่างสูงก็เข้ามาอยู่ในโฟกัสสายตาแล้วความรู้สึกโกรธก็กำเริบขึ้นมาทันที
“ไอ้โย่ง ไอ้บ้าเอ๊ย!! เห็นมั๊ยฉันเกือบจะตายเป็นผีเฝ้าสระน้ำแล้วนะ แล้วนี่นายดูสิ ดูๆๆๆ หนังสือเรียนฉันก็เปียกน้ำหมดแล้วอ่ะ”
“ไง แล้วตายหรือเปล่าล่ะ?? ก็เปล่า หนังสือผมก็เปียกไม่แพ้คุณหรอกน่า เลิกบ่นสักทีได้ป่ะเนี้ย” มินโฮไม่อยากจะใส่ใจคนที่โวยวายตรงหน้าสักเท่าไหร่
“อะไรนะ นายว่าฉันบ่นหรอ ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นมันเป็นเพราะนายๆๆๆ ไม่ใช่หรือไง ห๊ะ!! ไอ้บ้าๆๆๆ” ยัง คนตัวเล็กยังไม่เลิก เหอๆๆๆ
“โธ่เว้ย!! หยุดพูดสักทีได้มั๊ย คุณไม่เหนื่อยบ้างหรือไงเนี้ย ตั้งแต่ขึ้นมาก็พูดๆ ไม่หยุดแบบนี้ ห๊ะ!!”
“ก็มันเป็นเพราะนายๆๆ คนเดียวเท่านั้นเลยที่ทำให้ฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ แทนที่ฉันจะได้ไปห้องเรียน / จะไม่หยุดใช่มั๊ย ??” ในขณะที่มินโฮกำลังพยายามควบคุมอารมณ์เขานั่งจ้องใบหน้าใสที่เต็มไปด้วยหยดน้ำพร่างพราวเต็มใบหน้ารวมไปถึงริมฝีปากบางที่เริ่มขึ้นสีแดงจัดเพราะกำล
ังพูดๆๆ ไม่หยุดแบบนั้น มันทำให้ร่างบางดูมีออร่าพิเศษจนทำให้ตนไม่สามารถเบนสายตาหนีไปทางอื่นได้เลย ทำไมคุณถึงได้มีผิวละเอียดราวกับหญิงสาวแบบนี้ แถมปากที่พร่ำบ่นนั่นก็เป็นสีแดงน่าจูบ?? เห้ย! นี่เขาคิดอะไรออกไปเนี้ย
“ไม่ๆๆ.........อุ๊บส์!!” ถึงแม้ความคิดจะคิดไปแบบนั้นแต่การกระทำกลับตรงกันข้าม มินโฮดึงคนตัวเล็กเข้ามาใกล้แล้วปิดปากคนพูดมากด้วยปากของตนเองทันที เขารู้สึกเบื่อน้ำเสียงที่มันออกมาจากปากเล็กๆ นั่นเหลือเกินนี่คงเป็นวิธีที่เจ๋งที่สุดแล้วในตอนนี้ที่จะปิดปากคนช่างบ่นนั่นเสีย ในตอนนี้ทุกการกระทำของร่างกายดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถควบคุมได้เลยแม้แต่นิดเดียว เขายังคงเพิ่มแรงบดเบียดลงไปบนริมฝีปากแดงที่แสนนุ่มนิ่มนั่น ซึ่งเขาไม่สามารถหยุดยั้งหรือบังคับให้ถอนริมฝีปากของตนเองออกมาได้เลยแม้แต่น้อย
คนตัวเล็กกว่าที่อยู่ๆ ก็ถูกจู่โจมด้วยการกระทำเช่นนี้เบิกตาโตด้วยความตกใจ นี่เขากำลังถูกคนตรงหน้าขโมยจูบแรกไปอย่างนั้นหรอ อ๊ากกกก !!! เขาจะเก็บมันไว้ให้กับคนรักของเขาในอนาคตน๊าาาาา ฝ่ามือที่วางทาบไปตรงบริเวณหน้าอกหนาของคนตัวโตพยายามผลักไสให้ร่างสูงออกไปแต่กลับกลายเป็นกำเสื้อผ้าเนื้อบางที่เปียกชื้นจนแน่นและแรงที่มีก็สูญห
ายไปสิ้นเมื่อจูบที่ธรรมดามันเริ่มไม่ธรรมดาเสียแล้ว จินกิรับรู้ถึงความอุ่นที่แทรกผ่านมาทางปากของเขา นี่!! เขากำลังถูกคนตรงหน้านี้ Deep Kiss งั้นหรอ อ๊ากกก!!!
มินโฮผละตัวออกมาจากคนตัวเล็กซึ่งตอนนี้หลับตาปี๋ ร่างกายแข็งทื่อไปเป็นที่เรียบร้อยเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ เมื่อร่างสูงเห็นแบบนั้นก็ทำให้มีสติกลับมาดั่งเดิม เขารีบหันหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อทบทวนการกระทำของตัวเอง ไม่กล้าที่จะมองหน้าคนตัวเล็กต่อไป ส่วนผู้ถูกกระทำก็เริ่มลืมตาขึ้นมาเมื่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นสักครู่จางหายไป คนตัวเล็กเริ่มกระพริบตาปรับโฟกัสภาพให้ชัดขึ้น เขาเห็นคนตัวสูงนั่งทำหน้าเครียดอยู่ใกล้ๆ
“นะ นาย ทำแบบนี้ทำไม??”
“............” มินโฮเองก็ไม่สามารถบอกตัวเองได้เหมือนกันน่ะสิจึงเลือกที่จะเงียบแบบนี้
“เฮ้ย!! ทำไมไม่ตอบวะ!!” จินกิเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาเมื่อคนตรงหน้ายังคงนั่งนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนองกลับมาทั้งสิ้น
“ไอ้บ้าเอ๊ย!! ไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยหรือไง ห๊ะ!!” จินกิปากระเป๋าเป้ของตนเองใส่คนตัวสูงอย่างแรงซึ่งนั่นทำให้คนที่ถูกกระทำเริ่มรู้สึกตัวแล้วหันมามองหน้า
“คุณอยากให้ผมรับผิดชอบยังไงล่ะ” มินโฮหันหน้ากลับมาเผชิญกับความจริงที่ตนเองเพิ่งได้ทำไป พอเจอคำถามนั้นย้อนกลับมาก็ทำให้คนตัวเล็กนิ่งไปทันทีเช่นกัน นั่น!!สิ จะให้หมอนั่นรับผิดชอบงั้นหรอ รับผิดชอบอะไรล่ะ
“ว่ายังไง จะให้ผมรับผิดชอบยังไงก็บอกมาสิ หรือว่าคุณจะจูบผมคืนก็ได้นะ เอาเลย มาๆ จะได้หายกันไง” พูดเสร็จก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ คู่กรณีทันที
“บ้า!!” จินกิต่อว่าแล้วก็หันหน้าหนีไปทางอื่น เขารู้สึกว่าใบหน้าของตนเองนั้นร้อนๆ ขึ้นมายังไงไม่รู้สิ
“เอ๊า!! แล้วจะเอายังไง จะให้ผมรับผิดชอบยังไงก็บอกมาดิ” จินกิไม่พูดอะไรต่อ แต่กลับรีบลุกขึ้นเพื่อจะเดินหนีบุคคลที่นั่งอยู่ข้างๆ กันให้เร็วที่สุดเพราะถ้าขืนอยู่ต่อไปเขาต้องระเบิดตัวเองแน่ๆ
“จะไปไหนล่ะ” มินโฮรีบคว้าข้อมือของคนตัวเล็กแล้วดึงให้ลงมานั่งเหมือนเดิม แต่เขากลับคาดคะเนแรงที่ดึงผิดพลาดไปทำให้คนตัวเล็กถึงกับเซล้มลงมานั่งทับตัวเขาเอาไว้ ตอนนี้จึงทำให้ร่างของคนตัวเล็กนั่งอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวสูงไปโดยปริยาย
มินโฮโอบกอดร่างของคนในอ้อมกอดไว้อย่างหลวมๆ โดยที่คนตัวเล็กก็ไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนแต่อย่างใด ทั้งคู่ยังคงนั่งนิ่งไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน คนตัวสูงรู้สึกว่าตนเองนั้นมีอัตราการเต้นของจังหวะหัวใจที่เร็วขึ้นกว่าปกติเมื่อได้กลิ่นกายของคนที่อยู่ในอ้อมกอดคนนี้
“คุณใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไรอ่ะ ทำไมมันหอมจัง” แล้วจู่ๆ มินโฮก็เอ่ยถามขึ้น
“ปะ...เปล่า ฉันไม่ได้ใช้น้ำหอมอะไรเลย”
“โกหกหรือเปล่า นี่มันกลิ่นน้ำหอมชัดๆ”
“เปล่าจริงๆ นะ เอ่อ มันคงเป็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มจากเสื้อผ้ามั๊ง”
“งั้นหรอ แล้ว???...” มินโฮหยุดคำพูดไว้แค่นั้นแล้วก็โน้มใบหน้าของตัวเองไปใกล้ๆ ใบหน้าของอีกฝ่าย
“ที่บ้านคุณคงกินน้ำตาลเป็นอาหารหลักใช่หรือเปล่า คุณถึงได้หวานขนาดนี้” พูดจบก็ประทับรอยจูบของตนเองอย่างแผ่วเบาแล้วก็เพิ่มแรงอย่างเผลอตัวอีกครั้ง มินโฮจับพลิกตัวคนในอ้อมกอดให้หันมาอย่างเชื่องช้าแต่มันกลับเป็นผลให้โดนจุดยุทธศาสตร์ของเขาอย่างจัง เจ้าลูกรักของเขามันกำลังถูกปลุกให้ตื่นขึ้นแล้ว???
มินโฮรีบผละตัวออกจากคนตัวเล็กแล้วผลักให้ออกห่าง สีหน้าท่าทางบ่งบอกว่าตนเองกำลังตกใจกับอาการของตนเป็นอย่างมาก
“ชิบหายแล้ว!!!” แล้วก็อุทานออกมาเสียงดัง พร้อมทั้งก้มลงมองเจ้าลูกรักของตนเอง (ลูกรัก ???)
“นะ...นายเป็นอะไร???” จินกิยังคงงงกับพฤติกรรมของคนตรงหน้า
“ก็จะอะไรเล่า!! กับคุณเนี้ยนะ บ้าไปแล้ว โว้ย!!” แหกปากจบก็รีบลุกขึ้นเดินหนีหายไปอีกทางทิ้งให้อีกคนนั่งเหวอกับการกระทำของตนเองต่อไปอย่างงงๆ
.
.
.
มินโฮทิ้งคนตัวเล็กให้นั่งเหวอต่อไปเพียงคนเดียวในสวน ส่วนตนเองนั้นก็เดินแยกออกมาเพื่อไปทำธุระส่วนตัวที่มันมาโดยไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์ปรารถนาภายในร่างกายมันถูกคนตัวเล็กคนนั้นปลุกให้ตื่นขึ้นมาดื้อๆ ซะงั้น
“มันเป็นไปได้ไงกันวะ ไม่ๆ ม่ายยยย” มินโฮพร่ำบ่นกับตัวเองอยู่คนเดียวจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นเพื่อนตัวเตี้ยที่เดินสวนผ่านมา
“เฮ๊ย !! ไอ้โฮ มึงจะไปไหนวะ??? รีบร้อนขนาดนี้” จงฮยอนรีบวิ่งตามเพื่อนตนเองไปติดๆ
“เรื่องของกู”
“เอ้า นี่กูถามดีๆ นะเนี้ย แล้วมึงไปโดนใครเขาสาดน้ำมาห๊ะ”
“เออๆ เดี๋ยวกูกลับมาตอบ กูกำลังรีบ” แล้วสองขาก็รีบพาตัวเองไปยังจุดหมายโดยเร็วโดยที่มีเพื่อนหน้าเป็ดอย่างคิมจงฮยอนเดินตามไปติดๆ
“มึงจะตามกูมาทำไมวะ เฮ๊ย!!”
“เป็นห่วงมึงไง” ห่า มาห่วงอะไรเอาตอนนี้วะ
“ไม่จำเป็น!! มึงจะไปไหนก็ไปเลยเหอะ”
“เอาน่า เดี๋ยวกูรอ กูมีเรื่องจะปรึกษามึงอ่ะ”
“โธ่เว้ย!!” มินโฮเริ่มทนไม่ได้ต่อไปแล้วจึงไม่อยากจะเถียงกับไอ้เพื่อนคนนี้จึงรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำทันทีเพื่อปลดปล่อยสิ่งที่มันถูกอัดอั้นเอาไว้ให้เร็วที่
สุด
ปัง!! เสียงประตูห้องน้ำถูกปิดลงพร้อมกับความเงียบที่มินโฮพยายามทำให้มันเงียบที่สุด
“มึงขี้ได้เงียบมาก ไอ้โฮ” เสียงของจงฮยอนดังขึ้นมาหลังจากที่มินโฮเงียบไปได้สักพัก แต่มินโฮก็ยังคงเงียบต่อไปพยายามไม่สนใจเพื่อนที่รออยู่ด้านนอก
“พี่จินกิหายไปไหนไม่รู้ว่ะ กูไปรอเขาตั้งนานก็ยังไม่เห็นมาเลย หรือว่าพี่เขาจะโกหกกูเรื่องตกลงคบกับกูวะ ไอ้โฮ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ กูจะทำไงดีวะ กูเสียใจนะเว้ย” ถึงแม้จะพรรณนาอะไรออกไป แต่ว่ามินโฮก็ยังคงเงียบไม่พูดอะไรออกมา
คิมจงฮยอนหารู้ไม่ว่า เมื่อได้พูดถึงชื่อของจินกิขึ้นมามันทำให้มินโฮเร่งจังหวะที่กำลังทำอยู่ให้เร็วขึ้นแล้วเลือดภายในกายมันก็กลับสูบฉีดเพิ่มขึ้น เพียงแค่ได้ยินชื่อของคนๆ นั้น มันก็ทำให้ร่างกายเขาผิดปกติได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ มินโฮรู้สึกว่าหัวใจของเขาตอนนี้มันเหมือนไม่ใช่ของเขาอีกต่อไปแล้วซิ
“อ่า....” จงฮยอนได้ยินเสียงแปลกๆ ออกมาจากห้องน้ำที่ไอ้เพื่อนตัวสูงเข้าไปก็รับรู้ได้ทันทีว่ามันเข้าไปทำอะไร
“เฮ๊ย!! ไอ้โฮ ที่มึงรีบๆ เนี้ย มึงเข้าไปเพื่อ??? หรอวะ ฮ่าๆๆ ไปทำอีท่าไหนวะ อารมณ์ถึงขึ้นได้เนี้ย ฮ่าๆๆ” คิมจงฮยอนเห็นเป็นเรื่องสนุกไปเสียได้ จึงเอ่ยแซวเพื่อนด้วยความสนุก มินโฮเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วมองหน้าเพื่อนปากเสียด้วยสายตาที่ชักไม่เป็นมิตร แล้วก็จัดการกับตัวเองจนเรียบร้อย
ตึ่ก... ตึ่ก... เพราะทั้งคู่ต่างก็เงียบกันไป จึงได้ยินเสียงฝีเท้าของบุคคลที่สามกำลังเดินเข้ามาภายในห้องน้ำอีกหนึ่งคน สายตาของคนทั้งสองมองไปยังปากทางเข้าพร้อมกันแล้วก็ปรากฏกายของคนที่จงฮยอนเพิ่งบ่นถึงไปเมื่อสักครู่
“พะ ...พี่จินกิไปทำอะไรมาครับถึงได้เปียกขนาดนี้” แล้วก็เป็นเสียงของจงฮยอนที่ดังขึ้นมาก่อน เขาเดินตรงไปหาคนตัวเล็กที่ยืนถือกระเป๋าเป้ใบหนึ่งไว้ในมือ
“กระเป๋าของนายเอาคืนไป” แต่จินกิกลับเลี่ยงตัวเองหลบจงฮยอนแล้วเดินตรงไปโยนกระเป๋าให้กับอีกคนที่ยืนอยู่ตรงอ่างล้างมือ มินโฮรับกระเป๋าที่ถูกโยนมาแทบไม่ทัน ทุกการกระทำและคำพูดของคู่สนทนาทำให้จงฮยอนได้ข้อมูลอะไรใหม่ๆ ว่าที่พี่จินกิหายไปนั่นคือหายไปอยู่กับไอ้เพื่อนตัวโย่งของเขานี่เองงั้นหรอ
“นายกับพี่จินกิไปทำอะไรกันมา???”
“ฮยอนนนนนนน!!!!” จินกิโผเข้ากอดร่างของคนถาม ทำเอาคิมจงฮยอนออกอาการเหวอไปเล็กน้อยที่เห็นคนตัวเล็กทำแบบนี้กับตนเอง
“มินโฮแกล้งพี่ล่ะ ฮยอน”
“อะ ... อะไรนะครับ พี่จินกิ”
“มินโฮแกล้งพี่ เขาผลักพี่ตกน้ำอ่ะ ฮยอนต้องจัดการเพื่อนของฮยอนคนนี้ให้พี้ด้วยนะ ไม่งั้นพี่จะเลิกคบกับฮยอนจริงๆ ด้วย” เมื่อเจอประโยคเด็ดแบบนี้มีเหรอจงฮยอนจะไม่รีบจัดการไอ้เพื่อนตัวดีของเขา กว่าจะได้คนน่ารักตรงนี้มาแล้วเรื่องอะไรจะปล่อยไปง่ายๆ กันล่ะ
“ไอ้โฮ มึงไปแกล้งพี่เขาแบบนั้นทำไม??”
“กูไม่ได้แกล้ง เขาเซ่อซ่าตกไปเองต่างหาก แล้วกูก็เลยซวยตกไปด้วยจนกูเปียกแบบนี้ไงล่ะ มึงก็เห็น”
“อะไรนะ นี่นายยังมาว่าฉันเซ่อซ่าอีกงั้นหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะนายฉันคงไม่ตกไปแบบนั้นหรอก” จินกิเริ่มโวยวายเมื่อถูกรุ่นน้องคนนั้นหาว่าตนเองเซ่อซ่า มันเป็นอะไรที่เดือดมากสำหรับคนตัวเล็ก
“หรือว่าไม่จริงคร๊าบ!!!” มินโฮทำหน้าตากวนๆ ใส่คนตัวเล็กซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับจินกิได้มากทีเดียว
“ย๊ากกก!!! ไอ้บ้า ไอ้หน้าเอเลี่ยน ไอ้ๆๆๆ” จินกิเริ่มโวยวายเมื่อทำอะไรคนตรงหน้าไม่ได้ จงฮยอนที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์จึงจำเป็นต้องไกล่เกลี่ยสถานการณ์ให้เร็วที่สุด
“เอ่อ พี่จินกิครับ ผมว่าวันนี้หยุดเรียนสักวันแล้วกลับไปพักผ่อนดีกว่านะครับ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับพี่ ส่วนไอ้มินโฮผมรับรอง ผมจะจัดการมันแน่นอนครับ”
“จริงนะ ฮยอนรับปากแล้วนะ”
“ครับผม” พูดเสร็จก็ล็อคคอเพื่อนตัวสูงมาเขกหัวอย่างแรงเป็นการโชว์
“ดีมาก” พูดเสร็จก็อมยิ้มอย่างพอใจแล้วเดินจากไป พอเห็นว่าคนตัวเล็กเดินออกไปแล้วจงฮยอนจึงปล่อยเพื่อนของตัวเองให้เป็นอิสระแล้วมองหน้าพูดถามอย่างจริงจัง
“นี่มึงคิดอะไรกับกูป่ะเนี้ย ถึงได้ขัดขวางกูกับพี่จินกิขนาดนี้เนี้ย กูชักเริ่มคิดแล้วนะเฟร้ย”
“ห่า มึงดิ กูแค่อยากให้มึงมีความรักที่ปกติแค่นั้นจริงๆ โว้ย” มินโฮรีบผละตัวออกห่างจากเพื่อนสนิทแล้วอธิบายจุดประสงค์อย่างแท้จริงของตนเองให้ฟัง
“นี่มึงยังไม่รู้จักคำว่ารักจริงๆ หรอกไอ้โฮ ถ้ามึงรักใครสักคนแล้วมึงจะรู้ว่าสายตาคนในสังคมไม่ได้สำคัญอะไรเลยกับหัวใจมึง” มินโฮได้แต่นิ่งเงียบไปแล้วก็ครุ่นคิดถึงคำที่พูดของเพื่อนที่พูดออกมา ถ้าหากเขามีความรักเขาจะไม่แคร์สายตาคนในสังคมจริงๆ งั้นหรอ ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องน้ำแต่กลับต้องสะดุดกับบุคคลที่ยืนหันหลังให้อยู่ด้านนอก
“พี่จินกิ ทำไมยังไม่รีบกลับบ้านล่ะครับ” จงฮยอนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่กลับไม่ได้ ขืนกลับไปตอนนี้ก็โดนมามี๊เล่นงานน่ะสิ”
“ถ้างั้นหากไม่รังเกียจ สนใจไปที่หอพักของพวกผมมั๊ยครับ”
“อือ ก็ดีกว่ากลับไปหูชาฟังมามี๊บ่นก็แล้วกันเนอะ”
.
.
.
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาความสัมพันธ์ระหว่างจงฮยอนและจินกิก็ได้เริ่มพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกวันผมจะได้เห็นฉากหวานๆ จากทั้งคู่ จนบางทีผมอยากจะไปจับทั้งสองคนแยกออกจากกันทีเดียว เพราะเห็นแล้วมันรู้สึกขัดหูขัดตาชะมัด ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมพยายามพาสาวๆ แวะเวียนเข้ามาเพื่อให้ไอ้จงมันเห็นบ่อยๆ แต่มันก็ไม่ยักจะสนใจใครสักคน มันสนแต่รุ่นพี่จินกิคนนั้นคนเดียวจริงๆ อะไรมันจะรักมากมายขนาดนั้น
“พี่จินกิครับ พรุ่งนี้ไปทำกับข้าวกินกันที่ห้องผมนะครับ นะๆๆ ปีใหม่ทั้งที นะๆๆ” ไอ้จงมันออกอาการอ้อนที่รักมันอีกแล้ว
“เอาสิ เดี๋ยวพี่จะลองขอมามี๊ดู งั้นวันนี้เราไปซื้อของเตรียมไว้กันดีกว่านะ”
“ครับๆ”
“พี่จงคร๊าบ!!” มีเสียงบางคนตะโกนเรียกชื่อไอ้เพื่อนหน้าเป็ดของผมครับ
“หัวหน้าชมรมเรียกพี่ไปคุยเรื่องจัดงานพรุ่งนี้ครับ”
“งั้นหรอ อืม เอางี้ พี่จินกิกับไอ้โฮไปซื้อของเตรียมไว้วันพรุ่งนี้นะครับ ส่วนผมจะไปคุยเรื่องงานพรุ่งนี้ก่อน ฝากด้วยนะโว้ย ไอ้โฮ อย่าไปกัดพี่จินกิที่รักกูล่ะ ไม่งั้น มึงเจอดีแน่” พูดเสร็จก็รีบวิ่งไปหาหัวหน้าชมรมทันที ปล่อยให้ผมกับรุ่นพี่ที่รักของมันยืนเหว๋อไปตามๆ กัน ก็ผมกับรุ่นพี่น่ะกินเส้นกันที่ไหน อยู่ด้วยกันสองคนมีหวังกัดกันตายไปข้างหนึ่งแน่ๆ
“นายไปซื้อคนเดียวแล้วกันนะ ฉันขอตัวกลับเลยดีกว่า”
“เอ๊า ได้ไง ของตั้งเยอะตั้งแยะ ให้ผมจัดการคนเดียวผมจะไหวหรอ ห๊ะ!!” ผมเริ่มโวยวาย
“ฉันไม่อยากไปกับนายแค่สองคนนี่นา”
“ทำอย่างกับผมอยากไป มันจำเป็นต่างหากเล่า สรุปจะไปหรือไม่ไป”
“ไม่!!!”
“ไม่ ใช่มั๊ย” ผมจัดการอุ้มคนตัวเล็กพาดบ่าแล้วเดินมุ่งตรงไปยังซุปเปอร์ที่อยู่ใกล้ๆ ทันที
“ย๊ากกก ปล่อยนะ ไอ้เอเลี่ยน ปล่อยดิ เออๆๆ ไปแล้ว ฉันจะไปแล้ว ปล่อย!!!”
“ก็แค่นั้น” ผมจัดการปล่อยให้คนตัวเล็กลงแล้วกึ่งลากกึ่งจูงให้เดินตามไป ขืนไม่ทำแบบนี้มีหวังวิ่งหนีปล่อยให้ผมซื้อของคนเดียวน่ะสิ และแล้วพวกเราก็เดินมาถึงซุปเปอร์จนได้ คราวนี้ก็มาตกลงกันว่าจะทำอะไรกันบ้าง แล้วก็เริ่มเลือกวัตถุดิบที่จะทำในวันพรุ่งนี้กัน โดยที่ผมเป็นคนเข็นรถให้กับรุ่นพี่จินกิเป็นคนเลือกสรรสิ่งของที่จะทำก็แล้วกัน
“พี่จินกิ” ผมเห็นหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักไม่หยอกเลยทีเดียว กำลังยืนยิ้มร่ามาทางพวกผมทั้งสองคน
“แทมิน”
“คนนี้หรอพี่ หวานใจพี่อ่ะ ว้าวๆ หล่อจังเลย แบบนี้ต้องเรียกให้มามี๊มาดู / เฮ้ย ไม่ใช่ๆ...” พูดเสร็จก็วิ่งหายไปทันทีไม่ทันที่จินกิจะได้อธิบายอะไรแล้ว เอ แต่ว่าเจ้าเด็กแทมินนั่น หน้าคุ้นๆ แหะ??
สักพักก็ปรากฏร่างของหญิงสูงวัยเดินตรงเข้ามาทางเราทั้งคู่ ผู้หญิงคนนั้นเพ่งพินิจมาที่ผมอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งมันทำให้ผมอึดอัดอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวนะครับเนี้ย
“มามี๊ ไม่ใช่คนนี้สักหน่อยอ่ะ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว” แต่คนเป็นแม่หาได้ฟังไม่ ฮ่าๆๆๆ
“อืม หน้าตาใช้ได้ทีเดียว เลือกคนได้ไม่เลวเลยนะเจ้าลูกคนนี้ นี่เราน่ะ ดูแลลูกของน้าให้ดีๆ ล่ะ ถ้าทำให้ลูกของน้ามีน้ำตานายเจอดีแน่ๆ” ง่ะขู่กันแบบนี้เลยหรอครับ
“มามี๊ ไม่ใช่นะ คนละ.../ ไปกันเถอะแทมิน พี่เขาคงอยากจะอยู่กันตามลำพัง” พูดจบแล้วก็จากไปทิ้งสองคนไว้ให้มองตากันปริบๆๆ
“แม่อ่ะ ไม่ฟังกันบ้างเลย” รุ่นพี่จินกิบุ้ยหน้าอย่างอารมณ์เสีย
“ช่างเหอะคุณ รีบๆ ซื้อ จะได้รีบกลับ ป่านนี้ไอ้จงมันกลับไปรอที่ห้องแล้วมั๊ง” จากนั้นพวกเราทั้งคู่จึงช่วยกันเลือกซื้อข้าวของกันต่อจนเสร็จ โดยที่ไม่ได้กัดกันตายไปซะก่อน
พอพวกเรามาถึงหอพักก็รู้ว่าจงฮยอนยังไม่กลับมา พวกผมจึงช่วยกันจัดข้าวของให้เข้าที่กันแบบเงียบๆ ระหว่างผมกับรุ่นพี่จินกิมักจะเป็นแบบนี้เสมอ เพราะโดยปกติแล้วพวกเราไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่จึงไม่มีเรื่องที่จะคุยกันมากนัก ผมกับรุ่นพี่จินกิมานั่งดูโทรทัศน์เพื่อเป็นการฆ่าเวลารอไอ้จงกัน แต่ว่าระหว่างรอก็เกิดเรื่องกันจนได้สิน่า
“ฉันจะดูช่องนี้ / ก็ไม่ดูอ่ะ ผมจะดูช่องนี้” สงครามน้ำลายเริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกแล้ว พวกผมแย่งรีโมทกันกดเปลี่ยนช่องตามที่ใจต้องการ แต่คราวนี้ผมกดแล้วก็ถือรีโมทไว้ในมือ จนคนตัวเล็กเริ่มโมโหแล้วเริ่มแย่งชิงรีโมทที่อยู่ในมือผมเสียยกใหญ่ แต่มีหรือผมจะปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ ฮ่าๆๆๆ ไม่มีทางหรอก
รุ่นพี่จินกิพยายามจะแย่งรีโมทที่อยู่ในมือของผมให้ได้ จนดูเหมือนว่าตอนนี้พี่เขาทับอยู่บนตัวผม แล้วก็เหมือนว่าเขาก็เริ่มจะรู้ตัวแล้วด้วยว่าอะไรเป็นอะไร แต่ผมอยากแกล้งเขาต่ออ่ะจึงรั้งตัวของพี่เขาให้อยู่ภายในอ้อมกอดของผมแทน
“เฮ้ย!! ปล่อยดิ ฉันไม่ดูแล้วก็ได้” ดูหน้าพี่เขาสิเอ๋อมาก ฮ่าๆๆ
เอิ๊ก!! ตุ๊บๆๆ ตุ๊บๆๆ เมื่อผมมองไปยังใบหน้ากลมใสขาวเนียนของพี่เขาแล้วจู่ๆ หัวใจผมถึงได้เต้นแรงแบบนี้ล่ะ ผมปล่อยตัวพี่เขาไปทันทีด้วยความที่ตกใจในกลไกของร่างกายตัวเอง นับวันที่ยิ่งได้ใกล้และเจอรุ่นพี่คนนี้บ่อยๆ มันทำให้ผมไม่สามารถควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจตนเองได้สักครั้ง
“ฉันว่า ฉันกลับก่อนดีกว่า นี่ก็ดึกมากแล้ว ไปนะ” จินกิกำลังเดินออกไปจะเปิดประตูแต่ประตูห้องกลับถูกกระชากเปิดออกมาเสียก่อน พร้อมกับปรากฏร่างของจงฮยอนขึ้น
“เจอจนได้ ตามมาจนได้ อ๊ากกก เด็กอะไรวะ ตื้อชะมัด” จินกิยืนงงกับคนตรงหน้าที่จู่ๆ ก็โวยวายขึ้นมาเสียงดังหลังจากที่เปิดประตูห้องเข้ามา
“พี่จงฮะ” แล้วตามมาด้วยร่างของเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักอีกหนึ่งคน
“แทมิน / พี่จินกิ”
.
.
.
“แทมิน / พี่จินกิ” ต่างคนก็ต่างเรียกชื่อของอีกฝ่าย
“พี่มาทำอะไรที่นี่” เด็กหนุ่มเอ่ยถามทันควัน
“พี่มากกว่าที่ควรจะถามนาย นายไปกับมามี๊ไม่ใช่หรือไง”
“ก็ใช่ แต่ผมๆ เอ่อ ผมแว๊บออกมาอ่ะ พอดีเจอหัวใจของตัวเองเดินอยู่แถวนี้ อิๆๆ” พูดไปก็ทำท่าเขินไป
“พี่จินกิรู้จักกับเด็กคนนี้ด้วยหรอครับ”
“น้องชายพี่เองล่ะ”
“ห๊ะ!! น้องชาย” คิมจงฮยอนตกใจกับเรื่องราวที่ได้รับรู้
“อืม ทำไมหรอ”
“ปะ ป่าวครับ เอ่อ น้องแทมินครับ พี่จะแนะนำให้รู้จักนะครับ นี่แฟนพี่ครับ” จงฮยอนรีบแนะนำคนตรงหน้าให้รู้จักทันทีซึ่งทำเอาแทมินอึ้งอยู่ไม่น้อย
“ฮ่าๆๆ พี่จงอย่ามาหลอกน้องแทมให้ยากเลยน๊า พี่จินกิของผมมีแฟนอยู่แล้วต่างหาก นั่นไงยืนอยู่นั่นไง” แทมินชี้ตรงมายังผมที่ยืนเหวออยู่ด้านหลัง
“ไม่ใช่ นั่นเพื่อนพี่ ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่จินกิแน่นอน พี่ต่างหากที่เป็นแฟนกับพี่จินกิ น้องเข้าใจผิดก็เข้าใจใหม่ได้เลยนะครับน้อง”
“จริงหรอครับ พี่จินกิ” แทมินเลือกที่จะถามคนเป็นพี่ชายตนเอง จินกิพยักหน้าช้าๆ เป็นคำตอบ แล้วความจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเด็กหนุ่มอย่างชัดเจน เขารู้ดีกว่าพี่ชายของตนนั้นโกหกใครไม่เป็น
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันฮะ”
“เดือนที่แล้ว แทมิน”
“ฮ่าๆๆ งั้นหรอฮะ แหมๆ ก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นแฟนกับพี่ชายผมอยู่ก่อน ไม่งั้นไม่มัวเสียเวลาตามตื้อแบบนี้หรอก ว้า อายจัง เอ่อ ผมกลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวมามี๊เป็นห่วง พี่เองก็รีบกลับนะครับ ผมไปนะ” แทมินหันหลังเดินกลับออกไปจากห้อง ผมสังเกตเห็นแผ่นหลังของน้องสั่นไหวน้อยๆ ด้วยล่ะ คงเสียใจไม่น้อยเลยทีเดียว ก็เล่นตามตื้อมาก่อนที่เพื่อนของผมมันจะเจอรุ่นพี่คนนี้ซะอีก
ว่าแล้วตอนที่เจอกันที่ซุปเปอร์ทำไมผมถึงได้รู้สึกคุ้นๆ หน้าเด็กคนนั้นจัง ที่แท้ก็เป็นเด็กที่ดันมาหลงชอบเจ้าเพื่อนตัวเตี้ยของผมเข้าอย่างจัง พยายามตามตื้อมาเป็นปีแล้ว โดนปฏิเสธอย่างไรก็ไม่สน น้องเขามีความตั้งใจสูงมากจริงๆ ผมล่ะนับถือๆ แต่พรหมลิขิตดันเล่นตลกให้ไอ้เป็ดดันมาเป็นแฟนกับพี่ชายของน้องเขาซะงั้น เรื่องมันเลยจบลงที่น้องเขาเข้าใจและยอมเลิกราไปอย่างง่ายดาย เหตุผลเพียงเพราะว่าจงฮยอนเป็นคนรักของพี่ชายตนนั่นเอง
“เอ่อ พี่ขอตัวนะฮยอน” รุ่นพี่จินกิรีบวิ่งตามน้องชายของตนเองไปด้วยความเป็นห่วง
“โลกมันกลมขนาดนี้เลยหรอวะ” จงฮยอนพูดกับตัวเองเบาๆ ใจหนึ่งก็อดห่วงเด็กนั่นไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เห็นความพยายามของเด็กนั่นเสียเมื่อไหร่ แต่ว่าคนไม่ใช่ยังไงก็ไม่ใช่อยู่ดี เฮ้อออ!!!!
“สงสารน้องมันว่ะเนอะ”
“ไอ้โฮมึงอย่าทำให้กูรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ได้ป่ะ”
“ก็มันจริง มาก่อนเป็นปีแต่ดันโดนพี่ชายคาบไปกินแบบนี้ เป็นกูก็คงเสียใจว่ะ ถึงแม้ว่ากูจะไม่ได้เห็นด้วยกับความรักผิดปกติแบบนี้ก็เหอะ แต่กูเห็นความพยายามของน้องมันมากๆ เลยล่ะ”
“มึงหยุดพูดได้แล้ว” ไอ้เพื่อนหน้าเป็ดมันรีบเดินเข้าห้องมันไปอย่างหัวเสีย คงจะรู้สึกผิดจริงๆ เหมือนกันนั่นล่ะ เฮ้อ!! ความรักหนอความรัก มีไปทำไม
ทุกอย่างดูเหมือนจะดำเนินไปตามปกติ แต่ในความรู้สึกของผมมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย บ่อยครั้งที่ไอ้จงมันมีอาการเหม่อลอยเหมือนมีอะไรอยู่ในใจของมันอยู่ตลอดเวลาถึงแม้ว่าจะมีรุ่นพี่ที่รักของมันอยู่ข้างๆ ก็ตาม บางทีผมก็รู้สึกอดห่วงความรู้สึกของรุ่นพี่จินกิไม่ได้ ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันต้องกระทบจิตใจของพี่เขาแน่ๆ
“ไอ้จง มึงคิดอะไรอยู่ บอกกูหน่อยได้มั๊ย”
“หน้าตากูเหมือนคนกำลังคิดอะไรอยู่งั้นหรอ”
“ยังจะกวนตีนอีก กูเป็นห่วงนะถึงได้ถามเนี้ย”
“กูว่า กูกำลังมีปัญหากับเจ้าเด็กนั่นล่ะ”
“เด็กไหน แทมินน่ะหรอ” ไอ้จงมันพยักหน้าตอบรับ
“ชีวิตกูเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างเลยว่ะ เมื่อไม่ได้เห็นหน้าเจ้าเด็กนั่น”
“ห่า มึงอย่าบอกว่านะเกิดมาเสียดายเด็กนั่น แล้วมึงจะทำยังไงกับคนปัจจุบันของมึง ห๊ะ!!”
“กูไม่รู้”
“แต่พี่รู้” ทั้งผมและไอ้จงหันไปยังต้นเสียงพร้อมกัน
“เราเลิกกันเถอะนะ ฮยอน นายจะได้ไปตามหัวใจของนายได้ถูกคนไง”
“พี่จินกิ”
“ถ้านายทำให้น้องพี่เสียใจอีกครั้งนายตายแน่ อ้อ อีกอย่างนะ แทมินน่ะ เป็นคนที่ออกจะง้อ ยากซะหน่อยนะ อย่าเพิ่งท้อล่ะ”
คิมจงฮยอนรีบวิ่งออกไปตามหัวใจของตนเองทันทีที่ถูกปลดปล่อยจากพันธนาการที่ตนเองเป็นคนสร้างขึ้น แต่มันดันไม่ใช่อย่างที่ใจต้องการ จงฮยอนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กน้อยนามว่าแทมินเข้ามาอยู่ในสี่ห้องหัวใจของตนตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียเด็กนั่นไปแล้ว สุดท้ายก็ต้องกลับมานั่งเจ็บปวดใจอยู่คนเดียว จะเอ่ยกับใครก็ไม่กล้า ก็ในเมื่อตนเองเป็นฝ่ายเริ่มขึ้นเองทั้งนั้น
ลีจินกิยืนมองอดีตคนรักที่เขาเพิ่งบอกเลิกไปหมาดๆ เมื่อสักครู่ด้วยรอยยิ้ม เขารู้ว่าจงฮยอนน่ะหลงรักน้องชายเขามาได้สักระยะแล้วล่ะ ก็ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ก็ทุกครั้งที่มีข้อความเข้ามาในมือถือก็ต้องนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับมันตลอดเวลา
“คุณไม่เสียใจใช่มั๊ย” ผมเองก็รู้สึกอดเป็นห่วงความรู้สึกของคนตรงหน้าไม่ได้
“ฉันจะเสียใจไปทำไมล่ะ ก็ในเมื่อฉันก็ไม่รู้สึกอะไรๆ แบบนั้นกับฮยอนอยู่แล้วนี่นา”
“อ้าว แล้วคุณมาคบกับเพื่อนผมทำไม”
“ก็เพื่อ.....แกล้งนายไง”
“แกล้งผม???”
“ใช่ ก็เห็นนายแอนตี้เหลือเกินกับรักประเภทนี้ ฉันเลยแกล้งซะเลยไง สะใจดีเห็นนายเดือดเวลาที่ฉันกับฮยอนทำหวานกันน่ะ ฮ่าๆๆๆ”
“คุณนี่มัน ร้ายกาจที่สุด” ผมเดินเข้าไปโอบร่างของคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอด
“อ๊ะ!!” จินกิพยายามผลักดันให้ออกจากอ้อมกอดของผมอย่างสุดความสามารถ
“แกล้งผมใช่มั๊ย ถึงเวลาที่ผมจะเอาคืนคุณบ้างแล้วล่ะ” ผมเพิ่มแรงกอดของตัวเองให้มากขึ้นจนคนตัวเล็กหมดหนทางในการดิ้นรนจึงยอมยืนอยู่เฉยๆ ให้ผมกอด
“ไม่อายคนอื่นเขาหรือไง มายืนกอดผู้ชายด้วยกันแบบนี้น่ะ” จินกิพูดออกมาเสียงอู้อี้ในลำคอ แต่ผมก็พอจะได้ยินมันอย่างชัดเจน ผมกระชับอ้อมกอดเพิ่มมากขึ้นแต่ไม่ได้ใช้แรงแบบตอนแรก
“เฮ้อ!! คุณทำให้ผมสับสนนะรู้หรือเปล่า สับสนกับความรักประเภทนี้ สับสนกับความรู้สึกของตัวเอง คุณรู้มั๊ยเวลาผมเห็นคุณกับไอ้จงพรอดรักกันผมอยากจะเข้าไปแยกพวกคุณสองคนให้ออกจากกันแทบแย่”
“ทำไมล่ะ” จินกิอมยิ้มน้อยๆ
“ผม.....ก็ไม่รู้เหมือนกัน” ผมรู้นะว่าพี่อยากฟังอะไรจากปากผม
“ปล่อยเลยนะ ถ้าไม่รู้ก็ไม่ต้องรู้ต่อไปเลย ปล่อยดิ” พี่จินกิเริ่มดิ้นขึ้นมาอีกครั้งเพราะคำตอบของผม ฮ่าๆๆ แกล้งพี่นี่มันสนุกจริงๆ ผมจะบอกอะไรรีดเดอร์ให้นะครับ ผมน่ะรักพี่เขาแล้วล่ะ จุ๊ๆ อย่าบอกพี่เขานะครับ
“ไม่ปล่อยๆๆ”
“ปล่อยนะ ไอ้โย่ง ไอ้เอเลี่ยน ปล่อยๆๆๆๆๆ อ๊ากกก” โวยวายเข้าไป โวยวายให้มากๆ นะจะได้สิ้นฤทธิ์ผมจะได้ปราบง่ายๆ หน่อย ฮ่าๆๆ
ถึงแม้จะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาไม่น้อยผมก็ยังคงแกล้งพี่เขาอยู่อย่างนั้น ผมเข้าใจแล้วล่ะที่ไอ้จงเพื่อนผมมันเคยพูดไว้ ผมไม่แคร์สายตาใครอีกแล้วนอกจากคนตรงหน้านี้คนเดียวเท่านั้น
“ผมรัก.....???” พอผมเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา ดูพี่จินกิจะหูผึ่งและหยุดดิ้นกะทันหันเลยทีเดียว รู้นะว่าอยากได้ยินอะไร แต่แกล้งอีกหน่อยดีกว่า
“รักอะไรดีน๊า”
“โธ่เว๊ย รักฉันไง บอกรักฉันแค่นี้ไม่ได้หรือไงห๊ะ ไอ้เอเลี่ยน” ในที่สุดพี่จินกิก็ทนไม่ได้ ฮ่าๆๆ
“ครับ ผมรักพี่”
“กว่าจะพูดได้นะ เจ้าเอเลี่ยนบ้าเอ๊ย” จินกิยิ้มกว้างอย่างพอใจที่เห็นผมพูดคำนั้นออกมา
ความรักของผมกับเขาเกิดขึ้นเมื่อไหร่ผมก็ไม่อาจจะรู้ได้ อาจจะเป็นตั้งแต่ผมเจอเขาครั้งแรก หรือว่าตั้งแต่ผมจูบเขาครั้งแรกนั้นหรือเปล่าน๊า เอ หรือว่า
???
“ไม่ต้องเดาแล้วล่ะ มินโฮ ฉันจะบอกนายให้ ฉันชอบนายตั้งแต่เห็นนายครั้งแรกนั่นล่ะ” เอ๊ะเขาเข้ามาในความคิดผมได้ไงเนี้ย
“ที่ไหนอ่ะ”
“ที่โรงอาหารไงล่ะ ที่ฉันเดินเข้าไปขอนั่งด้วยไง”
“อ๋อๆๆ ผมหล่อใช่ป่ะล่ะ”
“แหว่ะ!!!”
จบแล้วค่ะ จบแล้วจริงๆ น๊า
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น